ในฟุตบอลโลกหนนี้ หลายคนมองว่ามันอาจเป็น The Last Dance ของนักเตะระดับโลกหลายราย โดยเฉพาะ ลิโอเนล เมสซี่
ฟุตบอลโลกสมัยที่ 5 และอาจเป็นหนสุดท้ายแล้ว ซึ่งการจบลงด้วยความสมบูรณ์แบบ อย่างกับนิยาย คือ เมสซี่ ต้องได้ชูถ้วยแชมป์โลกส่งท้าย
อาร์เจนติน่า ในครั้งนี้ ถูกยกเป็นหนึ่งในตัวเต็ง ฟอร์มของพวกเขาสุดยอดมากๆ ตอนนี้พวกเขาไม่แพ้ใครมา 36 เกมติดต่อกันเข้าไปแล้ว
เพิ่งคว้าแชมป์ โกปา อเมริกา ได้บนแผ่นดินบราซิล ด้วยการเอาชนะบราซิล ซึ่งต้องถือว่าเป็นตัวเต็งในบอลโลกหนนี้ด้วย
อาร์เจนติน่า ชุดนี้ มีความแตกต่างไปจากก่อนหน้านี้มาก แกนหลักที่เป็นซีเนียร์มีไม่เยอะ และ เมสซี่ คือบิ๊กบอสในสนาม
นักเตะรุ่นใหม่ที่ขึ้นมาเป็นกำลังสำคัญ ทุกคนโตมาโดยมี เมสซี่ เป็นฮีโร่ ดังนั้นพวกเขาพร้อมทำทุกอย่างเพื่อเมสซี่ เพื่อลูกพี่ของทีม
อาร์เจนติน่า อาจเล่นไม่สนุกเร้าใจดุดัน แต่มีความรัดกุม เหนียวแน่น ทว่าก็ยังรักษาความเฉียบในการเข้าทำจากนักเตะเก่งๆ หลายรายเอาไว้ได้
เป็นปกติอยู่แล้วที่ ในฟุตบอลโลกทุกครั้ง อาร์เจนติน่า จะถูกยกเป็นหนึ่งในทีมลุ้นแชมป์
แต่ไม่ทุกครั้งไปที่พวกเขาจะดูแล้วแกร่ง จนน่ากลัวอย่างแท้จริงอย่างครั้งนี้
ก็อย่างที่ทุกคนรู้ดี หลายต่อหลายครั้งมาแล้วที่ทีมเต็ง ต้องตกรอบอย่างสุดเซอร์ไพรส์!
ครั้งก่อนหน้านี้ที่อาร์เจนติน่า โดนยกให้เป็นทีมสุดแกร่ง ทีมเต็ง 1 ที่จะคว้าแชมป์โลกคือในฟุตบอลโลก 2002 ที่เกาหลี-ญี่ปุ่น ย้อนไปเมื่อ 20 ปีก่อนนั่นเอง
การจะดูภาพรวมว่าทีมไหนแกร่งจริง เต็งจริง ควรดูตั้งแต่เมื่อได้ทีมครบ 32 ทีมแล้ว และเป็นช่วง"ก่อนจับสลากแบ่งกลุ่ม" ในฟุตบอลโลกหนนั้นๆ
เนื่องจากเมื่อจับสลากแบ่งกลุ่มแล้ว คู่แข่งร่วมกลุ่ม เส้นทาง อาจจะมีผลให้อัตราต่อรอง เพิ่ม หรือลด ได้เช่นกัน
ฟุตบอลโลก 2002 ก่อนจับสลากแบ่งกลุ่ม อาร์เจนติน่า คือเต็ง 1 ในราคา 7/2 (แทง 2 จ่าย 7 ไม่รวมทุน) ในช่วงก่อนจับสลากแบ่งกลุ่มไม่กี่วัน
ตามมาด้วย ฝรั่งเศส แชมป์เก่าและแชมป์ยูโร จากนั้นก็อิตาลี ที่โชว์ฟอร์มแกร่งมาตลอดช่วงนั้น ก่อนจะเป็น บราซิล, สเปน และอังกฤษ/เยอรมัน
เมื่อมีการแบ่งกลุ่ม ปรากฏว่าอัตราต่อรองก็เปลี่ยนไปเล็กน้อย เนื่องจากอาร์เจนติน่า ดันอยู่ใน "กรุ๊ป ออฟ เดธ" ร่วมกับ อังกฤษ คู่อริตลอดกาล, ไนจีเรีย และสวีเดน
แต่ถึงกระนั้น พวกเขาก็ยังเป็นเต็ง 1 ตามมาด้วยฝรั่งเศส และอิตาลี
ถามว่าทำไม อาร์เจนติน่า ถูกยกให้เป็นเต็ง 1 ?
เวลานั้นพวกเขามีโค้ชที่ชื่อ มาร์เซโล่ บิเอลซ่า
ตั้งแต่ปี 2000 จนมาถึงก่อนฟุตบอลโลก พวกเขาแพ้แค่นัดเดียวคือแพ้ บราซิล ในรอบคัดเลือกโซนอเมริกาใต้ ซึ่งก็เข้าใจได้ แถมพวกเขายังเอาชนะบราซิล กลับคืนได้ด้วย ในเลกที่เล่นในบ้าน เรียกว่าแพ้แค่เกมเดียวตลอด 2 ปีครึ่ง
ที่สำคัญ ขุมกำลังของอาร์เจนติน่า ครบเครื่องสุดๆ
นายทวาร 3 คนมาจากลา ลีกา ทั้งหมดคือ เคร์มัน บูร์โกส, โรเบร์โต้ โบนาโน่ และ ปาโบล กาบาเยโร่ ซึ่งเป็นมือ 1
แนวรับมีทั้ง โรเบร์โต้ อยาล่า, เมาริซิโอ โปเช็ตติโน่, วอลเตอร์ ซามูเอล, ฮาเวียร์ ซาเน็ตติ, ดีเอโก้ ปลาเซนเต้, ฮวน ปาโบล โซริน และจอมเก๋า โฮเซ่ ชาม็อต
กองกลางมีตัวตัดเกมอย่าง มาตีอัส อัลเมย์ด้า ผู้นำอย่าง ดีเอโก้ ซิเมโอเน่ และจอมทัพ ฮวน เซบาสเตียน เวรอน บวกกับตัวสร้างสรรค์เกมทั้ง อาเรียล ออร์เตก้า, คิลี่ กอนซาเลซ, มาร์เซโล่ กายาร์โด้ ไปจนถึงไอ้หนุ่มหน้าหล่ออย่าง ปาโบล ไอมาร์
กองหน้าเรียกตัวเก๋าอย่าง เคลาดิโอ คานิกเกีย มาติดทีม ส่วนอีก 3 คน ถือว่าร้อนแรงสุดๆ ในยุโรปเวลานั้นคือ เคลาดิโอ โลเปซ, เอร์นาน เครสโป และกัปตันทีม กาเบรียล บาติสตูต้า
เป็นทีมที่ขุมกำลังแข็งแกร่งทุกภาคส่วน ทั้งแต่นายทวารยันกองหน้า ไปจนถึงโค้ช และผลงานก่อนทัวร์นาเมนต์ก็ยอดเยี่ยมมาตลอด ช่วงอุ่นเครื่องก็เคี้ยว อิตาลี กับ เยอรมัน มาได้ด้วย
เมื่อทัวร์นาเมนต์เริ่มต้นขึ้้น อย่างที่บอก อาร์เจนติน่า อยู่กลุ่ม F เป็นกลุ่มแห่งความตายร่วมกับ อังกฤษ, ไนจีเรีย และสวีเดน
ทุกทีมแข็งแกร่ง แต่ยังไงเสีย อาร์เจนติน่า ก็ดูดีที่สุด ดูดีพอที่จะทำงานแรกให้ผ่านไปก่อน นั่นก็คือการเข้ารอบน็อคเอาท์ให้ได้ ไม่ว่าจะจบอันดับที่เท่าไหร่ก็ตาม
เรื่องราวบางครั้งก็อาจไม่เป็นไปตามบทที่เขียนไว้เสมอไป ในฟุตบอลโลกหนนี้ อีกหนึ่งตัวเต็ง แชมป์โลกและแชมป์ยูโร หนล่าสุดอย่างฝรั่งเศส ก็เปิดหัวด้วยการแพ้เซเนกัล ซึ่งเป็นหน้าใหม่บนเวทีโลก ขณะนั้น และสุดท้ายฝรั่งเศสตกรอบแรกแบบไม่มีลุ้นอะไรเลย
ส่วนเรื่องราวของอาร์เจนติน่า มันเป็นแบบนี้
พวกเขาเริ่มต้นได้สวย ประเดิมคว้า 3 แต้ม ด้วยการเฉือนชนะอินทรีมรกต ไนจีเรีย 1-0 จาก กาเบรียล บาติสตูต้า
ส่วนอีกคู่ อังกฤษ เสมอกับ สวีเดน 1-1 จบเกมแรก อาร์เจนติน่า จำฝูง
ไฮไลท์ที่ทุกคนมองมาคือเกมนัดที่สอง เพราะมันคือการย้อนรอยในปี 1998 อังกฤษ vs อาร์เจนติน่า โดยพวกเขาจะลงเตะเป็นคู่สอง ตามหลัง สวีเดน vs ไนจีเรีย
ทีมจากสแกนดิเนเวีย อาจไม่ได้มีนักเตะระดับพรสวรรค์ ไม่ได้เล่นบอลสวยงาม แต่ทีมทายาทไวกิ้งทุกประเทศ มักเป็นทีมที่สร้างความลำบากใจให้ทุกทีมเสมอหากพวกเขาได้เข้าไปเล่นในรอบสุดท้ายของทัวร์นาเมนต์หลักๆ
ครานี้ก็เช่นกัน หน้าเสื่อนั้น ไนจีเรีย นั้นถูกมองว่าแข็งแกร่งไม่น้อย ดูดีกว่า สวีเดน ด้วย
ถ้าตามเวย์ คู่นี้เสมอกันไปจะเป็นผลดีต่ออีกสองทีมใหญ่ที่จะเตะคู่หลัง แต่กลับกลายเป็นว่า สวีเดน ทำแสบด้วยการแซงชนะ ไนจีเรีย 2-1 จากการทำคนเดียว 2 ตุงของ เฮนริค ลาร์สสัน กองหน้าตัวเก่ง
นั่นเท่ากับว่า ผลแพ้ชนะของบิ๊กแม็ทช์ จะส่งผลใหญ่หลวงต่อทั้งสองทีมเองเลยทีเดียว
เกมนั้นคนมองกันที่คู่กรณีจากปี 98 อย่าง ซิเมโอเน่ และ เดวิด เบ็คแฮม ซึ่งตอนนี้ เบ็คส์ ไม่ใช่เด็กอีกแล้วเขาก้าวมาเป็นกัปตันทีมชาติอังกฤษ
ผู้ตัดสินในเกมนั้นคือ ปิแอ์ลุยจิ คอลลิน่า เบอร์ 1 ของโลกด้วย เรียกว่าฟีฟ่า จัดมาให้เน้นๆ สมเป็นเกมที่ทั้งโลกจับตามอง
วันนั้น เป็นเกมที่อังกฤษเล่นได้ดีเลยทีเดียว แดนกลางอย่าง ฮาร์กรีฟส์, นิคกี้ บัตต์, สโคลส์ ช่วยให้อังกฤษไม่เป็นรอง
กระทั่งท้ายครึ่งแรกนาทีที่ 44 อังกฤษมาได้จุดโทษ ไมเคิ่ล โอเว่น โยกหลอก เมาริซิโอ โปเช็ตติโน่ ที่พยายามแหย่ขาสกัด โอเว่น ทิ้งตัวล้มลงทันที และเสียงนกหวีดจาก คอลลิน่า ก็ดังขึ้นมาทันทีเช่นกัน
มันกลายเป็นจุดโทษ ท่ามกลางการประท้วงของแข้งอาร์เจนไตน์ แต่ยังไงมันก็เป็นจุดโทษ และเป็น เดวิด เบ็คแฮม ที่รับหน้าที่สังหารจุดโทษ
เบ็คส์ ยิงไม่พลาด ช่วยให้อังกฤษขึ้นนำ 1-0 และสุดท้ายมันกลายเป็นประตูชัยให้อังกฤษ เอาชนะอาร์เจนติน่าไปได้ด้วยสกอร์นี้
ผ่านไปสองเกมของ กรุ๊ป ออฟ เดธ
กลายเป็นอังกฤษและสวีเดน มีแต้มเท่ากันที่ 4 แต้ม, อาร์เจนติน่า 3 แต้ม และไนจีเรีย 0 แต้ม ตกรอบไปก่อนใครเพื่อน
นั่นทำให้ในเกมสุดท้าย อาร์เจนติน่า ต้องมีงานหนัก ด้วยการต้องเอาชนะสวีเดนให้ได้ก่อน หากจะเอาชัวร์ๆ
อย่างที่บอกว่าทีมจากสแกนดิเนเวีย เมื่อเข้าทัวร์นาเมนต์รอบสุดท้าย พวกเขาจะทำให้คู่แข่งเจองานหนักเสมอ พวกเขาจะทำให้คู่แข่งเล่นยากที่สุด
สวีเดน อาจมีตัวรุกที่ไม่เลวเลย เฮนริค ลาร์สสัน นำทัพ (ซลาตัน ยังเป็นแค่ดาวรุ่งเวลานั้น) แต่ที่มันไม่น่าเชื่อเสมอมาคือ แนวรับ
เกมรับของสวีเดน มองตัวต่อตัวไม่มีนักเตะเกรด A แต่พวกเขารวมตัวกันแล้ว มันเหนียวแน่นสุดๆ เป็นมาแทบทุกยุคทุกสมัย
โอลอฟ เมลเบิร์ก, อันเดรียส ยาค็อบส์สัน, โยฮัน มอลล์บี้, เท็ดดี้ ลูซิช สามารถยันเกมรุกของอาร์เจนติน่าได้อย่างยอดเยี่ยม
บาติสตูต้า, เคลาดิโอ โลเปซ, ออร์เตก้า, ไอมาร์ ทำอะไรไมได้มากนัก
ลงท้ายมีเพียง เอร์นาน เครสโป ที่ตีเสมอให้ อาร์เจนติน่า ในนาทีที่ 88 หลังจากโดนยิงนำไปก่อนหน้านั้น สกอร์จบที่ 1-1
หากกวาดสายตาไปที่ผลอีกคู่ ถ้ามัน "บังเอิญ" ไนจีเรียชนะอังกฤษ 2-0 อาร์เจนติน่า จะยังเข้ารอบกับสวีเดน
แต่ก็ไม่เป็นแบบนั้น เพราะความจริงก็คือ อังกฤษกับไนจีเรีย เสมอกันไป 0-0
นั่นหมายความว่า สวีเดน และอังกฤษ ควงกันเข้ารอบด้วยการมี 5 คะแนน ทิ้งให้ อาร์เจนติน่า มี 4 คะแนน ตกรอบไปอย่างสุดเซอร์ไพรส์
เต็ง 1 ทีมที่มีขุมกำลังครบเครื่องที่สุด ทีมที่เต็มไปด้วยสตาร์ และถูกมองว่าจะสร้างสีสัน และความน่าตื่นตาให้กับฟุตบอลโลกฉบับเอเชียอย่าง อาร์เจนติน่า ตกเพียงรอบแรกเท่านั้น
นี่แหละคือเสน่ห์ของฟุตบอลทัวร์นาเมนต์
คุณมีเกมเล่นแค่ไม่กี่เกม ในระยะเวลากระชั้นชิด ความผิดพลาดแค่นิดเดียวของเกมใดเกมหนึ่ง ฟอร์มตกสักเกมเดียว อาการบาดเจ็บของนักเตะสักคน สามารถส่งผล เป็น/ตาย ได้ในทันที
มันเป็นระบบการแข่งขันที่ทำให้ทีมที่เป็นรองสามารถลุ้นได้ เพราะไม่ใช่เกมยาว เจอกันหมดทุกทีมอย่างฟุตบอลลีก
ดังนั้น เชื่อได้เลยว่าในฟุตบอลโลกที่กาตาร์หนนี้ พวกทีมเล็ก ทีมรอง ทั้งหลาย พร้อมที่จะมีทีเด็ดมาเซอร์ไพรส์เหล่าทีมใหญ่แน่นอน
อาร์เจนติน่า และเมสซี่ จะจบเส้นทางฟุตบอลโลกแบบ The Last Dance หรือไม่ ต้องระวังการเจอทีมเล็ก ทีมรองเหล่านี้แหละ
ตัวอย่างของรุ่นพี่เมื่อ 20 ปีก่อนมีให้เห็นมาแล้ว!
เว็บกีฬาที่ดีกว่า ชัวร์กว่า ครบเครื่องเรื่องเดิมพันกว่าทุกเว็บ โปรโมชั่นดีๆ ต้องที่ MYSBOBET เพิ่มเพื่อนกันไปได้เลยที่ https://line.me/R/ti/p/@my-sb99 หรือ 08-0003-1188 / 08-0003-117