รอบแบ่งกลุ่ม ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ฤดูกาลนี้มาถึงจุดสิ้นสุดแล้ว
นัดสุดท้ายในหลายๆ ครั้งของหลายๆ ทีมมักเป็นเกมที่ต้องลุ้นชนิดขอปาฏิหาริย์ เพื่อให้ตัวเองได้ผ่านเข้ารอบต่อไป
ทีมที่รอดเข้ารอบน็อคเอาท์แบบเหลือเชื่อในนัดสุดท้าย บ่อยหนจะไปสร้างผลงานยอดเยี่ยมเกินคาด มันเหมือนว่าพวกเขาได้ตายแล้วเกิดใหม่
หนึ่งในครั้งที่น่าจดจำที่สุดคงเป็นเมื่อ 4 ฤดูกาลที่แล้ว และทีมทีมนั้นคือ ท็อตแน่ม ฮ็อตสเปอร์
ต้องย้อนความทรงจำกันเล็กน้อยว่า สเปอร์ส จบฤดูกาล 2017/18 ด้วยการเป็นอันดับ 3
พวกเขาเป็นรองแค่ แมนฯ ซิตี้ กับ แมนฯ ยูไนเต็ด เท่านั้น ในขณะที่สโมสรกำลังก่อสร้าง ท็อตแน่ม ฮ็อตสเปอร์ สเตเดี้ยมใกล้เสร็จ เงินลงไปที่นั่นเยอะ
ทำให้ในซัมเมอร์ 2018 แทนที่ แดเนียล เลวี่ จะเจียดเงินมาให้ โปเช็ตติโน่ เสริมทัพ เพื่อยกระดับทีมขึ้นไปอีกหนึ่งก้าว มันกลับตรงกันข้าม
หน้าร้อน 2018 เมาริซิโอ โปเช็ตติโน่ ไม่ได้เสริมทัพเลยแม้แต่คนเดียว ไม่ได้เงินมาใช้แม้แต่เพนนีเดียว เขาใช้เพียงนักเตะชุดเดิม
การลงทุนล่าสุดของทีมคือการซื้อ ลูคัส มูร่า มาจากเปแอสเช ตอนตลาดหน้าหนาว มกราคม 2018 นั่นอาจเป็นการมองของ เลวี่ ว่าคือการซื้อล่วงหน้าสำหรับหน้าร้อนไปแล้ว
จะยังไงก็ตาม มันกลับกลายเป็นการซื้อล่วงหน้าที่มีส่วนสำคัญยิ่งต่อฤดูกาลใหม่ที่กำลังมาถึง
ความท้าทายรอสเปอร์ส อยู่ทันทีในรอบแบ่งกลุ่ม แชมเปี้ยนส์ ลีก
เพราะพวกเขาอยู่ในกลุ่มหิน ร่วมกับ บาร์เซโลน่า, อินเตอร์ มิลาน และ พีเอสวี ไอน์ดโฮเฟ่น
เปิดมานัดแรกของรอบแบ่งกลุ่ม สเปอร์ส ต้องไปเยือน อินเตอร์ มิลาน
ในขณะที่อีกคู่ บาร์ซ่า ไม่มีปัญหาในการทุบ พีเอสวี 4-0 แต่เกมที่ มิลาน มีดราม่า
สเปอร์ส อุตส่าห์ออกนำจาก คริสเตียน เอริคเซ่น แต่มาโดนทีเด็ดลูกยิงสุดสวยของ เมาโร อีการ์ดี้ ตีเสมอท้ายเกม ไม่แค่นั้น ช่วงทดเจ็บยังมาโดน มาติอัส เวซิโน่ ขึ้นโหม่งทำให้แพ้ไป 1-2
โปรแกรมของสเปอร์ส ยังโหด เพราะนัดที่ 2 พวกเขาต้องเล่นที่เวมบลีย์ ในขณะที่รอให้สนามใหม่ของตัวเองคอมพลีต
พวกเขาเจอกับบาร์เซโลน่า และไม่สามารถต้านทานเกมรุกของทีมเยือนที่มี เมสซี่ กับคูตินโญ่ นำทัพได้ สเปอร์ส แพ้ไป 2-4
อีกคู่ อินเตอร์ บุกไปคว้าชัยเหนือพีเอสวี 2-1 นั่นทำให้ คนมองกันว่า เห็นทีกลุ่มนี้คงเป็น บาร์ซ่า กับ อินเตอร์ ที่เข้ารอบ เพราะชนะรวดทั้งคู่ และสเปอร์ส แพ้รวด ไม่ต่างจากพีเอสวี ที่เป็นจอมแจกแต้ม
สถานการณ์ของสเปอร์ส ยังเลวร้ายในนัดที่ 3 เพราะพวกเขาบุกไปทำได้แค่เสมอ พีเอสวี 2-2 ทั้งที่ออกนำในครึ่งหลังจาก แฮร์รี่ เคน แต่ก่อนหมดเวลา 3 นาทีพวกเขาโดน ลุค เดอ ย็อง ตีเสมอเสียอย่างนั้น
ด้านบิ๊กแม็ทช์ บาร์ซ่า ก็คว่ำ อินเตอร์ มิลานไป 2-0 เท่ากับตอนนี้ เพาเวอร์แรงกิ้ง ของกลุ่มโดนจัดอย่างไม่เป็นทางการว่า บาร์ซ่า คือพี่ใหญ่
ผ่านไปครึ่งทางรอบแบ่งกลุ่ม 3 นัด สถานการณ์เป็นแบบนี้
บาร์ซ่า 9 คะแนน
อินเตอร์ 6 คะแนน
สเปอร์ส 1 คะแนน
พีเอสวี 1 คะแนน
คนไม่มอง พีเอสวี ทั้งที่ตามทฤษฎี พวกเขายังมีโอกาสเข้ารอบพอๆ กับ สเปอร์ส ด้วยซ้ำ ไม่มีใครคิดว่าสุดท้ายแล้ว พวกเขาจะเป็นตัวแปรสำคัญ
วันเริ่มต้นนับหนึ่งปาฏิหาริย์ของ สเปอร์ส มาถึงเอาในนัดที่ 4
สเปอร์ส เปิดบ้านเจอกับพีเอสวี และเพียง 2 นาที พวกเขากลับโดน ลุค เดอ ย็อง พังประตูให้ พีเอสวีนำก่อน 1-0
โปเช็ตติโน่ สั่งลูกทีมลุยแหลกแบบไม่ต้องแคร์อะไรแล้ว พวกเขาสร้างโอกาสยิงมากมายแต่ก็ยังไม่ได้ประตู ลูกยิงของ เคน, ซน, เดเล่ อัลลี่, เอริคเซ่น ไม่ผ่านมือ เยรูน ซูท มือกาว พีเอสวี เลย
จนกระทั่ง 15 นาทีสุดท้าย พอช เปลี่ยนตัวส่งเอาทาร์เก็ตแมนอย่าง เฟร์นานโด ยอเรนเต้ ศูนย์หน้าจอมเก๋าลงสนามมาช่วย
เพียง 3 นาทีในสนาม ยอเรนเต้ ก็แผลงฤทธิ์เขาพักบอลให้ แฮร์รี่ เคน ยิงตีเสมอได้สำเร็จ
ผลเสมอไม่เพียงพอแน่หากยังหวังเข้ารอบ สเปอร์ส ลุยหนัก ในขณะที่ พีเอสวี เองก็ยังมีหวัง ทั้งสองทีมอยากได้ 3 แต้มจากเกมนี้
แต่สเปอร์ส ทำสำเร็จ ก่อนหมดเวลาแค่นาทีเดียว เบน เดวีส ก็ขึ้นมาครอสจากสุดเส้นหลังทางซ้ายไปเสาสอง แฮร์รี่ เคน ขึ้นโขกกดลงพื้น บอลกระดอนโดนกองหลังพีเอสวี เปลี่ยนทางเข้าประตูไป มันกลายเป็นชัยชนะนัดแรกของ สเปอร์ส ด้วยสกอร์ 2-1
อีกคู่ที่ ซาน ชีโร่ ทั้ง อินเตอร์ และบาร์ซ่า แบ่งแต้มกันไป 1-1 ราวกับผลการแข่งขันนี้เพียงพอสำหรับทุกฝ่าย
สถานการณ์หลังผ่านไป 4 นัด
บาร์ซ่า 10 คะแนน
อินเตอร์ 7 คะแนน
สเปอร์ส 4 คะแนน
พีเอสวี 1 คะแนน
บาร์เซโลน่า การันตีเข้ารอบแล้ว
พีเอสวี ตกรอบแล้ว
นั่นทำให้อยู่ที่ว่า อินเตอร์ กับ สเปอร์ส คือสองทีมที่ต้องแย่งกันเข้ารอบ
แต่สถานการณ์ของ สเปอร์ส นั้นยากกว่ามาก พวกเขาต้องเจอกับ อินเตอร์ ต่อด้วยบาร์ซ่า โดยที่ต้องเริ่มด้วยการต้อง "ชนะเท่านั้น" ในเกมกับ อินเตอร์
ต่อให้ ชนะอินเตอร์ พวกเขาก็ต้องมาลุ้นนัดสุดท้ายอีก เพราะพวกเขาต้องเจอกับ บาร์ซ่า ส่วน อินเตอร์ เจอกับพีเอสวี ซึ่งเป็นงานที่ง่ายกว่า
หากจะมีอะไรที่พอจะเข้าทางสเปอร์ส อยู่บ้างก็คือ ช่วงเวลาดังกล่าว อินเตอร์ มีความระส่ำระสายนอกสนาม เพราะกำลังมีการเทคโอเวอร์
เอริค ธอเฮียร์ กำลังโดน สตีเว่น จาง ประธานคนปัจจุบันซื้อสโมสรไป
28 พฤศจิกายน 2018 วันดีเดย์ มาถึง สเปอร์ส เปิดเวมบลีย์ เจอกับ อินเตอร์ เป้าหมายเดียวคือต้อง "ชนะเท่านั้น"
เกมนี้ อินเตอร์ มาเล่นแบบกล้าๆ กลัวๆ ในขณะที่สเปอร์ส ไม่มีอะไรจะเสีย โปเช็ตติโน่ สั่งลุยทันที
สเปอร์ส ครองบอลมากกว่า โอกาสลุ้นประตูจะแจ้งมีมากกว่า แต่สกอร์ก็ยังตรึงอยู่ 0-0
จนกระทั่ง ท้ายเกมอีกแล้ว และฮีโร่ของพวกเขาในวันนี้ก็คือ คริสเตียน เอริคเซ่น เขาเติมขึ้นมารับบอลจาก เดเล่ อัลลี่ในเขตโทษแล้วยิงจากในเขตโทษเข้าไป เป็นการยิงอินเตอร์ได้ทั้งสองนัดที่เจอกัน ช่วยให้ สเปอร์ส ชนะ 1-0
เท่ากับว่าเมื่อถึงตอนนี้ ผ่านไป 5 นัด สเปอร์ส กลับขึ้นไปอยู่อันดับ 2 แทน มี 7 คะแนนเท่ากันก็จริง จาก "เฮด ทู เฮด" ที่ดีกว่า อินเตอร์ เพราะขณะนั้นยังใช้ อเวย์โกล์ (อินเตอร์ ชนะ 2-1 ในบ้าน, สเปอร์ส ชนะ 1-0 ในบ้าน)
แม้สถานการณ์ของ สเปอร์ส จะกลับมาอยู่ในกำมือตัวเอง ก่อนเกมนัดสุดท้าย แต่ในนัดสุดท้าย งานของพวกเขากับ อินเตอร์ ยากง่ายต่างกันเยอะเลย
สเปอร์ส ต้องไปเยือนบาร์เซโลน่า ที่เข้ารอบไปแล้ว
อินเตอร์ เล่นในบ้านเจอกับพีเอสวี ที่ตกรอบไปแล้ว
บาร์ซ่า นั้นส่งสำรองเพียบทั้ง การ์เลส อาเลนญ่า, มูนีร์, โธมัส แฟร์มาเล่น, มิรันด้า, เยสเปอร์ ซิลเลสเซ่น แม้แต่ อาร์ตูร์ เมโล่ ก็ไม่ใช่ตัวหลักถาวร
เรียลไทม์คือ
- นาทีที่ 7 บาร์เซโลน่า ที่ส่งสำรองเยอะ กลับออกนำสเปอร์ส 1-0 ด้วยการออกสตาร์ทเกมที่สบายๆ และเหนือชั้นกว่า จาก เดมเบเล่
- นาทีที่ 13 พีเอสวี กลับเป็นฝ่ายพลิกนำ อินเตอร์ ไปก่อน 1-0 ทั้งที่รูปเกมเป็นรอง
- นาทีที่ 73 อินเตอร์ ที่ไล่ขย่ม พีเอสวี อยู่ข้างเดียว ก็ตามตีเสมอสำเร็จ 1-1 จาก เมาโร อีการ์ดี้ ถึงตรงนี้่ อินเตอร์ จะเข้ารอบ
อินเตอร์ ไล่ทุบ เปิดฉากบุก สร้างโอกาสยิงเป็นชุดๆ แต่ยังเจาะประตูแซงนำใส่ พีเอสวี ไม่สำเร็จ
กระทั่งเข้าสู่ท้ายเกมอีกครั้ง เป็นเวลาทอง ที่สเปอร์ส ทำประตูสำคัญๆ มาตลอดที่ผ่านมา
- นาทีที่ 85 จุดเริ่มต้นเส้นทางพระเอกของ ลูคัส มูร่า ก็มาถึง เมื่อโผล่เข้ามาชาร์จลูกเปิดของ แฮร์รี่ เคน ตีเสมอให้สเปอร์ส สำเร็จ 1-1
มันกลายเป็นประตูสุดสำคัญ เพราะอีกคู่ อินเตอร์ มิลาน เอาชนะ พีเอสวี ไม่ได้ แม้จะมีโอกาสยิง 23 ครั้ง ต่อ 6 ครั้ง ก็ตาม
มันกลายเป็นปาฏิหาริย์สำหรับสเปอร์ส ที่พลิกนรกเข้ารอบมาได้สำเร็จ ทั้งที่เมื่อผ่านไป 3 เกม หรือ 4 เกม โอกาสเข้ารอบของพวกเขาต้องพึ่งทั้งฝีมือและโชคดวง อย่างมหาศาล
เมื่อเข้าสู่รอบน็อคเอาท์ ถึงตอนนั้น สเปอร์ส ก็ไม่สนอะไรแล้ว พวกเขาไม่มีอะไรจะเสีย
โปเช็ตติโน่ เริ่มมีทีมที่เหมาะสมกับฟุตบอลยุโรป แม้ว่า ซน , เคน, เอริคเซ่น, อัลลี่ จะเป็นตัวหลัก แต่เขามี ลูคัส มูร่า และ ยอเรนเต้ ที่สามารถเปลี่ยนโฉมของเกมได้
สเปอร์ส ทุบ ดอร์ทมุนด์ 3-0 และ 1-0 ในรอบ 16 ทีมสุดท้าย เข้ารอบไปอย่างสบายๆ
กระทั่งรอบ 8 ทีม คนก็มองว่าพวกเขาน่าจะต้องหยุดเส้นทางไว้แค่นี้ เมื่อเจอกับตัวเต็งอย่าง แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ของ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า
สเปอร์ส กลับสร้างดราม่าอย่างต่อเนื่อง ด้วยการเปิดบ้านเฉือน ซิตี้ ก่อน 1-0
จากนั้นในเลกสองมันคือหนึ่งในเกมที่มันที่สุด ดราม่าที่สุดของฤดูกาล
นาทีที่ 4 ซิตี้ นำ 1-0 จากสเตอร์ลิ่ง
นาทีที่ 7 สเปอร์ส ตีเสมอ 1-1 จาก ซน ฮึง มิน
นาทีที่ 10 สเปอร์ส แซงนำ 2-1 จาก ซนนี่ บอย คนเดิม
นาทีที่ 11 แบร์นาร์โด้ ตีเสมอให้ ซิตี้ 2-2
นาทีที่ 21 ซิตี้ แซงนำอีก 3-2 จาก สเตอร์ลิ่ง
... ถึงตรงนี้ สเปอร์ส ยังเข้ารอบด้วยอเวย์โกล
นาทีที่ 59 ซิตี้ ได้ประตูสำคัญ 4-2 จาก เอล กุน
... ซิตี้ จะเข้ารอบ
นาทีที่ 73 สเปอร์ส ไล่มา 3-4 จาก เฟร์นานโด ยอเรนเต้
... สเปอร์ส กลับมาเข้ารอบอีกครั้งด้วยอเวย์โกล
ทดเวลาบาดเจ็บ ซิตี้ ได้ประตูหนีห่าง 5-3 จาก สเตอร์ลิ่ง แต่เช็ก VAR หลังจากที่ทั้งสนามรวมถึง เป๊ป ดีใจกันสุดเหวี่ยง ปรากฏว่าเป็นจังหวะล้ำหน้า ทำให้ สเปอร์ส รอดพ้นจากการเสียประตู และพวกเขาเข้ารอบด้วยอเวย์โกลจริงๆ
เส้นทางปาฏิหาริย์ของ สเปอร์ส ยังเดินหน้าต่อเข้าสู่รอบรองชนะเลิศ พวกเขาต้องเจอกับ อาแจ็กซ์ อัมสเตอร์ดัม
หากมองตอนนี้ อาแจ็กซ์ อาจไม่ใช่ทีมที่ต้องกลัวขนาดนั้น แต่ อาแจ็กซ์ ปี 2019 คือทีมพลังหนุ่มจอมเซอร์ไพรส์ของ เอริค เทน ฮาก
พวกเขามี ดอนนี่ ฟาน เดอ เบค, มัทไธส์ เดอ ลิกท์, เฟรงกี้ เดอ ย็อง, ฮาคีม ซิเย็ค, ดูซาน ทาดิช ที่กำลังร้อนแรงสุดๆ
อาแจ็กซ์ ทุบทั้ง เรอัล มาดริด แชมป์เก่า และอัดจอมเก๋าอย่าง ยูเวนตุส มาด้วยผลงานที่น่าเหลือเชื่อ จนได้มาเจอกับ สเปอร์ส
ทีมของ เอริค เทน ฮาก พิสูจน์ว่าพวกเขาเล่นได้ดีแค่ไหน ด้วยการบุกชนะ สเปอร์ส 1-0 ในเลกแรกและตอนนั้น พวกเขาใช้สนาม ท็อตแน่ม ฮ็อตสเปอร์ สเตเดี้ยม แล้วด้วย คนทำประตูคือ ดอนนี่ ฟาน เดอ เบค
กลับไปเล่นที่อัมสเตอร์ดัม ในเลกสอง โอกาสของ สเปอร์ส ยิ่งน้อยลง
โดยเฉพาะเมื่อโดน เดอ ลิกท์พังประตูใส่ตั้งแต่ 5 นาททีแรก ตามด้วยโดน ฮาคีม ซิเย็ค กดเป็น 2-0 อีกครึ่งชั่วโมงต่อมา
จบครึ่งแรก สเปอร์ส ตาม 2-0 สกอร์รวมตาม 3-0 หนทางเดียวที่จะกลับมาได้คือ หนึ่งต้องไม่เสียประตูอีกแล้ว และสอง ต้องยิง 3 ประตูเป็นอย่างน้อย!
ต้องบอกว่า สเปอร์ส นั้นไม่มี แฮร์รี่ เคน ลงเล่นมาตั้งแต่เลกสองที่เจอกับ แมนฯ ซิตี้ แล้ว เพราะได้รับบาดเจ็บ
โปเช็ตติโน่ ต้องใช้ ซน กับ ลูคัส มูร่า ยืนคู่หน้ามาหลายนัด รวมถึงนัดนี้
แต่เขาไม่เปลี่ยนเอา มูร่า ออก สิ่งที่ พอช ทำคือแลกหมัดเต็มที่ ไม่มีอะไรเสียแล้ว วิคเตอร์ วานยาม่า โดนเปลี่ยนออกและส่ง เฟร์นานโด ยอเรนเต้ ลงไปแทน
ครึ่งหลัง 10 นาที มูร่า ได้บอลหลุดไปยิงเป็น 1-2 จุดประกายความหวังได้สำเร็จ
หากจะมีจุดอ่อนสำหรับ อาแจ็กซ์ คือพวกเขาเป็นทีมเด็ก ประสบการณ์ไม่เยอะ เมื่อสถานการณ์กดดัน เมื่อ "มีอะไรจะต้องเสีย" ความเกร็ง อาจเกิดขึ้นได้
นาทีที่ 59 ความไม่เข้าใจกันของผู้รักษาประตูกับกองหลังทำให้ไปกั๊กบอลกันเองส่งผลให้ ลูคัส มูร่า ฉกบอลไปได้แล้วตวัดยิงตีเสมอเป็น 2-2 ให้สเปอร์ส
ถึงตอนนั้น อาแจ็กซ์ เริ่มเล่นผิดฟอร์มไปหลายนาที ก่อนจะค่อยๆ กลับมาตั้งลำได้ แต่พวกเขาก็ไม่ได้บุกแหลก หรือเล่นห้าวหาญแบบเดิม เพราะตอนนี้พวกเขายังเข้ารอบ แต่ถ้าพลาดโดนอีกตุง เท่ากับจะแพ้ ตกรอบด้วยอเวย์โกลทันที ความฝันเข้าชิงที่เหลืออีกแค่ก้าวเดียวจะสลายไป
ผิดกับ สเปอร์ส ที่ไม่มีอะไรจะเสีย พวกเขาน่าจะตกรอบไปตั้งนานแล้ว ผ่านรอบแบ่งกลุ่มแบบกระเสือกกระสน ต้องพึ่งผลคู่อื่น, ผ่านแมนฯ ซิตี้ ด้วย VAR เซฟแบบเส้นยาแดง และเกมวันนี้ พวกเขาก็โดนนำก่อนถึง 2-0
ในนาทีที่ 90+6 ลูคัส มูร่า ก็จารึกชื่ออยู่ในหัวใจของแฟนบอลสเปอร์ส
เมื่อเขาได้บอลสะกิดจาก เดเล่ อัลลี่ หลุดเข้ายิงเสียบโคนเสา ให้สเปอร์ส พลิกนรกกลับมาชนะ 3-2
อย่าลืมรับชมคลิป ปาฎิหาริย์ของสเปอร์ส กันได้ที่ :: https://cutt.ly/nNUJf0z
เว็บกีฬาที่ดีกว่า ชัวร์กว่า ครบเครื่องเรื่องเดิมพันกว่าทุกเว็บ โปรโมชั่นดีๆ ต้องที่ MYSBOBET เพิ่มเพื่อนกันไปได้เลยที่https://line.me/R/ti/p/@my-sb99หรือ 08-0003-1188 / 08-0003-117