[ SPECIAL SCOOP ] : "รู้จักกับ คาวาซากิ ฟรอนตาเล่"
-
-
-
-
อัพเดตเมื่อ : January 16, 2022 3:54am โดย : admin
2
share
โทษฐานที่ ชนาธิป สรงกระสินธ์ จัดการเปิดตัวกับ คาวาซากิ ฟรอนตาเล่ สโมสรใหม่ไปหมาดๆ ว่าแล้ว 'Cheerball' จึงไปรวบรวมข้อมูลบางส่วนมาเสิร์ฟคุณผู้อ่านให้ได้รู้จักกับทีมใหม่ของเพลย์เมเกอร์ชาวไทย รวมถึงกับการรับทราบโดยทั่วกัน!!
----
1. จุดเริ่มต้น
แรกเริ่มเดิมทีพวกเขาเป็นทีมองค์กรเหมือนดั่งทั่วๆ ในของสโมสรญี่ปุ่น โดยใช้ชื่อ ฟูจิสึ และก่อตั้งในปี 1955 (67 ปี ที่แล้ว)
อย่างไรก็ตามในช่วงตั้งไข่ ฟูจิสึ ค่อนข้างจะเป็นทีมโนเนม เพราะเป็นขาประจำที่โลดแล่นอยู่ใน ดิวิชั่น 2 ตลอด
กระทั่งปี 1997 พวกเขาได้เปลี่ยนแปลงชื่อทีม โดยมี คาวาซากิ อันเป็นเมืองที่ตั้งนำหน้า ผนวกเข้ากับ 'ฟรอนตาเล่' (Frontale) อันมีความหมายในภาษาอิตาลี ว่า 'ซึ่งอยู่ข้างหน้า' ทำให้รวมเป็น คาวาซากิ ฟรอนตาเล่ นับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา
เท่านั้นไม่พอ พวกเขายังไปจับมือกับ เกรมิโอ สโมสรดังของบราซิล ในเดือนมีนาคม 1997 ทำให้เป็นที่มาของสีเสื้อว่าทำไมจึงเป็น ฟ้า-ดำ
ในช่วงแรกของการเปลี่ยนมาใช้ชื่อ ฟรอนตาเล่ พวกเขาก็ยังไม่ได้มีผลงานอะไรมากนัก แต่ก็ได้โผล่มาอยู่ เจลีก บ้างแล้ว แม้จะไปๆ มาๆ สลับกันไปก็ตาม
กระทั่งเข้าสู่ซีซั่น 2005 พวกเขาก็ไม่เคยตกชั้นอีกเลย
----
2. จุดเปลี่ยนแห่งความยิ่งใหญ่
ฟรอนตาเล่ กลายเป็นทีมที่ยึดหัวหาดในลีกสูงสุดญี่ปุ่น ได้ตั้งแต่ฤดูกาล 2005 ทว่าอันดับที่ดีที่สุดคือ 'รองแชมป์' ถึง 4 สมัยในซีซั่น 2006, 2008, 2009 และ 2016
นับรวมเป็น 12 ปี เลยทีเดียวที่พวกเขาทำได้เพียงอันดับ 2 ของ เจลีก
กระทั่งการแต่งตั้ง โทรุ โอนิกิ ให้เป็นเฮดโค้ชในฤดูกาล 2017 นั่นแหละได้พลิกโฉมทุกอย่างไปอย่างสิ้นเชิง
อดีตกองกลางชาวอาทิตย์อุทัยคนนี้อาจจะไม่เติบโตมากับทีมตั้งแต่เด็ก แต่ช่วงปลายของอาชีพค้าแข้ง เขามาแขวนสตั๊ดที่นี่ในปี 2006 และก็เข้าอบรมโค้ชทันที
โอนิกิ เริ่มต้นเส้นทางกุนซือกับการเป็นเทรนเนอร์ของ ฟรอนตาเล่ ชุดเยาวชน ก่อนจะค่อยๆ ขยับไปเป็นผู้ช่วยโค้ชระหว่างปี 2010-16
การได้เรียนรู้จากการเป็นผู้ช่วยยาวนานกว่า 7 ปี ทำให้เขาเก็บเกี่ยวประสบการณ์และรู้จักพลิกแพลงแท็กติกมากมาย จนถูกยกย่องอย่างสูงในวงการลูกหนังญี่ปุ่น
จะไม่ให้สรรเสริญพี่แกได้อย่างไร ก็เพราะนับตั้งแต่ขึ้นเป็นกุนซือเต็มตัวในฤดูกาล 2017 เขาก็นำ ฟรอนตาเล่ คว้าแชมป์ เจลีก ได้ถึง 4 จาก 5 ซีซั่นหลังสุดนั่นเอง
เฮดโค้ชวัย 47 ปี คนนี้คือเหตุผลหลักว่าทำไม ฟรอนตาเล่ จึงเป็นเบอร์หนึ่งของศึกฟุตบอลลีกในญี่ปุ่น ยุคปัจจุบัน
----
3. เอฟซี โตเกียว คู่ปรับตลอดกาล
ทุกสโมสรในโลกมีทีมที่เรียกว่า 'คู่แค้น' ตลอดกาลในทุกๆ ประเทศ
แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด - ลิเวอร์พูล (อังกฤษ)
เรอัล มาดริด - บาร์เซโลน่า (สเปน)
บาเยิร์น มิวนิค - ดอร์ทมุนด์ (เยอรมัน)
เมืองทอง ยูไนเต็ด - บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด (ไทย)
ส่วนของ ฟรอนตาเล่ ก็มี เอฟซี โตเกียว เป็นคู่ปรับสำคัญ โดยทุกครั้งที่แข่งขันกันจะใช้ชื่อ ทามากาวะ กลาซิโก้ หรือศึกแห่งลุ่มน้ำทามากาวะ
อย่างไรก็ตาม ฟรอนตาเล่ ยังมีทีมคู่กัดอย่าง คาชิวะ แอนท์เลอร์ส, อูราวะ เร้ด ไดม่อนด์ส, โยโกฮามะ มะรินอส และ โชนัน เบลล์มาเร่ อีกที่เจอทีไร ใส่กันยับทุกครั้งไป
----
4. นักเตะดัง (ในอดีต)
ด้วยความที่พวกเขาเพิ่งจะมาเกรียงไกรใน เจลีก ช่วง 5 ปี หลังสุด ทำให้ในอดีตมีนักเตะดังมาค้าแข้งที่นี่ไม่มากนัก แต่ที่จะคุ้นหูแฟนฟุตบอลชาวไทย หน่อย คงจะเป็น จุนอิจิ อินะโมะโตะ อดีตกองกลาง อาร์เซน่อล
- เออิจิ คาวาชิมะ ผู้รักษาประตูมือหนึ่งญี่ปุ่น ก็เล่นที่นี่ก่อนจะย้ายไปยุโรป
- โยชิโตะ ศูนย์หน้าร่างเล็ก แต่เพียบประสบการณ์ในลีกสเปน เคยมาค้าแข้งกับ ฟรอนตาเล่ อยู่ 2 ช่วงเวลา
- เคนโก นากามูระ ระดับตำนานของสโมสรที่เพิ่งแขวนสตั๊ดไปเมื่อไม่นานนี้
- ชอง เต-เซ ศูนย์หน้าดาวดังของทีมชาติเกาหลีเหนือ ก็เริ่มต้นชีวิตนักเตะอาชีพกับ ฟรอนตาเล่ นี่แหละ
----
5. นักเตะดัง (ปัจจุบัน)
นี่คือทีมรวมดาวของลีกอย่างแท้จริง ทว่าทุกคนไม่ได้มีใครเด่นแบบชัดเจน เพราะสไตล์ของ ฟรอนตาเล่ คือ 'ระบบ' ที่สามารถทดแทนกันได้หมด อย่างไรก็ตาม นี่คือรายชื่อที่เราเอามาบอกเล่าให้คุณได้ทราบกันคร่าวๆ
- ชอง ซอง-ยอง คืออดีตผู้รักษาประตูมือหนึ่งทีมชาติเกาหลีใต้ ที่ผ่านฟุตบอลโลกมาแล้ว 2 สมัย
- โชโกะ ทานิกุจิ กัปตันทีมวัย 30 ปี ที่เป็นนักเตะ 'วัน คลับ แมน' ไม่เคยย้ายไปไหน แม้จะติดทีมชาติญี่ปุ่น เพียง 5 นัด แต่ผลงานในระดับสโมสรของเขามาตรฐานสูงจริงๆ
- ชินทาโระ คาวามูระ แบ็กซ้ายญี่ปุ่น อีกหนึ่ง 'วัน คลับ แมน' ที่ทำให้เกมริมเส้นของ ฟรอนตาเล่ ลื่นไหลไม่สะดุด
- ยู โคบายาชิ อดีตศูนย์หน้าทีมชาติญี่ปุ่น และเคยได้รางวัล 'ผู้เล่นยอดเยี่ยม' กับ 'ดาวซัลโว' เจลีก ซีซั่น 2017
- เลอันโดร ดามิเยา ดาวซัลโว เจลีก 2021 กับจำนวน 21 ประตู พร้อมควบรางวัล 'ผู้เล่นยอดเยี่ยม' ประจำปี
----
6. ส่งนักเตะออกนอก
ด้วยความที่เป็นเบอร์ 1 ของญี่ปุ่น ทำให้ ฟรอนตาเล่ ได้รับความสนใจจากบรรดาแมวมองของยุโรป จนแทบจะเดินชนกัน และมันส่งผลถึงการที่มีนักเตะถูกชักชวนให้ย้ายไปเล่นในต่างแดน
ระยะหลัง ในแต่ละซีซั่น ฟรอนตาเล่ จะมีผู้เล่นถูกส่งไปยุโรป ไล่ตั้งแต่...
โค อิตาคุระ (แมนเชสเตอร์ ซิตี้, อังกฤษ ฤดูกาล 2018-19)
โคจิ มิโยชิ (รอยัล อันท์เวิร์ป, เบลเยียม ฤดูกาล 2019-20)
อาโอะ ทานากะ (ฟอร์ทูนา ดุสเซลดอร์ฟ, เยอรมัน 2021-22)
คาโอรุ มิโตมะ (ไบร์ทตัน, อังกฤษ 2021-22)
เรโอะ ฮาตาเตะ (เซลติก, สกอตแลนด์ 2021-22)
----
7. บุก-บุก-บุกและบุก
จุดเด่นของ ฟรอนตาเล่ คือ 'ระบบ' ก็จริง เพราะผู้เล่นแต่ละคนจะรู้หน้าที่ของตัวเองดี อีกทั้งยังสามารถสลับสับเปลี่ยนทดแทนเมื่อเพื่อนเสียตำแหน่งได้เสมอ
ทว่ายังมีอีกหนึ่งสิ่งที่ ฟรอนตาเล่ ค่อนข้างจะเลื่องชื่อ นั่นคือ 'เกมรุก' เพราะพวกเขาเป็นฟุตบอลสไตล์รุกแบบไม่มีเม้ม ต่อให้คู่ต่อสู้เก่งกาจขนาดไหน ปรัชญาฟุตบอลเอนเตอร์เทนก็ยังอยู่
บทพิสูจน์อย่างหนึ่งว่าพวกเขา 'บ้าบุก' แค่ไหน ก็สถิติการเป็นทีมที่ ''ยิงประตูได้มากที่สุด' ของ เจลีก 3 จาก 5 ฤดูกาลหลังสุดนั่นแหละ
โดยตัวเลขที่ว่านั้นมีดังนี้
ซีซั่น 2017 - 71 ประตู (มากที่สุดในลีก)
ซีซั่น 2018 - 57 ประตู (มากที่สุดในลีก)
ซีซั่น 2019 - 57 ประตู
ซีซั่น 2020 - ยิง 88 ประตู (มากที่สุดในลีก)
ซีซั่น 2021 - ยิง 81 ประตู
--------------------
เว็บกีฬาที่ดีกว่า ชัวร์กว่า ครบเครื่องเรื่องเดิมพันกว่าทุกเว็บ โปรโมชั่นดีๆ ต้องที่ MYSBOBET เพิ่มเพื่อนกันไปได้เลยที่ https://line.me/R/ti/p/@my-sb99 หรือ 08-0003-1188 / 08-0003-117