น่าเสียดายนะครับในปีนี้สำหรับยอดทีมในอดีต .... ย้ำอีกครั้งว่าในอดีตอย่าง
"หงส์แดง" ลิเวอร์พูล ที่มีคะแนนตามหลังแชมป์อย่าง แมนเชสเตอร์ ซิตี้ อยู่เพียงแค่ 2 คะแนนเท่านั้น .... และ 2 คะแนนดังกล่าวมันสุด
เจ็บปวดเหลือเกิน
หากยังจำกันได้ครับยอดทีมจากถิ่นเมอร์ซี่ย์ไซด์ โชว์ฟอร์มมาได้แบบ
"โหดสลัด" สุดๆด้วยการเก็บชัยชนะมา
'11 นัดติดต่อกัน' เรียกได้ว่ามากันแบบไม่ยั้งใส่กันให้ไฟแล่บจนเอาแฟนๆเพ้อฝันไปถึงวันชูถ้วยกันไปแล้ว
แต่ทุกอย่างมันเหมือนกับว่าพังทลายไปต่อหน้าต่อหน้า
การสูญเสียครั้งนี้เกิดขึ้นมาจากผู้ที่เป็นสัญลักษณ์ของทีม ผู้ที่คือทุกสิ่งทุกอย่างของทีมอย่าง
สตีเวน เจอร์ราร์ด ..... ยอดกัปตันผู้ภักดีที่ชูถ้วยมาแล้วทุกถ้วยยกเว้นอยู่ถ้วยเดียวที่เขายังไม่ได้รับเกียรติอันยิ่งใหญ่นี้
ชัยชนะเหนือ นอริช ซิตี้ เล่นเอากัปตันหมายเลข 8 ผู้นี้
หลั่งน้ำตา .... ครับผมเชื่อว่าตอนนั้น เจอร์ราร์ด คงจะคิดถึงการชูถ้วยที่เขารอคอยมานานตลอดทั้งชีวิตซักที ...

แต่แล้วกลับกลายเป็นว่าลูก
'ลื่นบรรลือโลก' นั้นกลายเป็นตัวแปรสำคัญสำหรับการลุ้นแชมป์พรีเมียร์ลีกในฤดูกาลนี้อย่างแท้จริง
ครับ มันโทษใครไม่ได้เลยนอกจากตัว เจอร์ราร์ด เองและที่สำคัญเป็นการลงเล่นในบ้านยังสนาม
แอนฟิลด์ อีกต่างหาก ....
น่าเสียดายนะครับ ถ้าหากไม่เป๋ในวันนั้น วันนี้เราอาจจะได้เห็นฝูง 'เดอะ ค็อป' ออกมา
เริงร่ากันเป็นแถวแล้วก็เป็นได้
สุดท้ายวลีเดิมๆก็กลับมาอีกหนว่า
'ปีหน้าเอาใหม่' แต่ผมว่ามันเป็นเรื่องยากซะแล้วว่ะ ....
ทำไมน่ะเหรอครับ ? แน่นอน
แมนเชสเตอร์ ซิตี้ จะต้องไม่หยุดนิ่งอยู่แค่นี้บวกกับพลังเงินที่มีพวกเขาจะคว้าดาวดังคนไหนมาเสริมหลังจากศึกฟุตบอลโลกก็รอดูกันว่าจะแข็งแกร่งแค่ไหน อีกทั้ง
มานูเอล เปเยกินี่ ก็ได้สร้างประวัติศาสตร์เป็นกุนซือนอกทวีปยุโรปคนแรกที่พาทีมก้าวขึ้นคว้าแชมป์ได้อีกต่างหาก
ผมคิดว่าพวกเขาน่าจะแข็งแกร่งขึ้นกว่าเดิมนะครับ

อีกทั้ง
"สิงโตน้ำเงินคราม" เชลซี ที่ได้แผลงฤทธิ์ในถิ่น แอนฟิลด์ อย่างสุดแสบ โจเซ่ มูรินโญ่ เพิ่งจะกลับมาทำทีมเป็นปีแรก และอะไรบางอย่างมันอาจจะ
ไม่เข้าที่เข้าทางหรือเหมือนเมื่อก่อน
ปีหน้าจัดทีม จัดขุมกำลังกันใหม่ด้วยพลังทรัพย์ของ
'เสี่ยหมี' แล้วล่ะก็ เชลซี จะกลายเป็นตัวเต็งที่คว้าแชมป์ในฤดูกาลหน้าแน่นอน

หรือแม้แต่
อาร์เซน่อล ของ อาร์แซน เวนเกอร์ ที่ปีนี้อาจจะไม่จบมือเปล่านะครับ ถ้วย เอฟเอ คัพ กำลังรอพวกเขาอยู่ หากไม่เล่นกันออกทะเลไปเองคงไม่ใช่เรื่องยากอะไรที่จะโค่น ฮัลล์ ซิตี้ ได้ในรอบชิงชนะเลิศ
แน่นอน นี่อาจจะเป็นถ้วยที่
จุดความหวังอะไรหลายๆอย่าง หรือกระตุกความคิดให้กับ เวนเกอร์ ทำอะไรเพื่อที่จะปลุกทีมดังจากลอนดอนเหนือกลับมา
ผงาดลุ้นแชมป์ พรีเมียร์ลีก อีกครั้ง

และโปรดอย่าลืมว่า
'ปีศาจหลับสนิท' ในฤดูกาลนี้อย่าง
แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด กำลังจะกลับมาเริ่มต้นใหม่อีกครั้งโดยที่ไม่มีฟุตบอล ยูฟ่า แชมป์เปี้ยนส์ลีก หรือ ยูโรป้า ลีก ให้
รำควาญใจอีกต่างหาก
พวกเขาถายใต้การนำทัพของกุนซือคนใหม่ที่ยังไม่รู้ว่าใครนั้นจะมุ่งมั่นในเกมลีกอย่างเดียวแน่นอนชัวๆ และปฏิเสธไม่ได้ว่าทีมระดับ "ปีศาจแดง" คงจะไม่
คว้าน้ำเหลวสองปีติด และคงจะไม่เลือกตัวผิดๆแบบ เดวิด มอยส์ เข้ามาคุมทีมอีกเป็นอันขาด

นี่ยังไม่รวมทีม
"ทอฟฟี่สีน้ำเงิน" เอฟเวอร์ตัน หรือแม้แต่
"ไก่เดือยทอง" ท็อตแน่ม ฮอทสเปอร์ส ที่พร้อมจะสอดแทรกขึ้นมาให้ได้เซอร์ไพรซ์กันอยู่เป็นประจำ โดยที่ทั้งสองทีมนี้ทำมาสำเร็จแล้วในช่วงปีหลังๆ
ครับ นี่คือเหตุผลทั้งหมดทั้งมวลที่ว่าทำไม "หงส์แดง" น่าจะต้องคว้าแชมป์ พรีเมียร์ลีก ให้ได้ในฤดูกาลนี้ เพราะว่าทุกๆอย่างมัน
เต็มใจไปหมดทั้ง
ซิตี้ ออกสตาร์ทในช่วงแรกสุดบู่ !
ปืนโต ฟอร์มดรอปลงเรื่อยๆแบบน่าใจหาย, เชลซี ภายใต้การนำทีมของ มูรินโญ่ ไม่นิ่ง ไม่คงเส้นคงวาและดูเหมือนจะเน้น แชมป์เปี้ยนส์ลีก มากไปปีศาจแดง ที่คิดผิดเลือก มอยส์ คุมทีมจนเป๋ไปยาวๆ, สเปอร์ส ที่ทะลึ่งใช้เงิน 100 ล้านแบบสูญเปล่า และ เอฟเวอร์ตัน ที่กำลังสร้างทีมใหม่โดย โรแบร์โต้ มาร์ติเนซทุกๆอย่างมันดูเหมือนจะเป็นใจให้ ลิเวอร์พูล คว้าแชมป์มาครองให้ได้ซักทีในรอบ
24 ปีซักทีมาครองได้อย่างยิ่งใหญ่

แต่สุดท้ายพวกเขาก็ต้องมา
'สะดุด' หกคะเมนในช่วง 3 นัดสุดท้ายของฤดูกาลแค่นั้นเอง
แค่นั้นเองครับ แค่นั้นจริงๆ น่าเสียดายมากๆ
เค.เค.