ฤดูกาลนี้เชลซีจัดการเสริมผู้เล่นหน้าใหม่มาทั้งสิ้น 22 คนด้วยกัน แยกเป็นเซ็นถาวรเลย 20 คนและยืมอีก 2 คน
ถือเป็นสถิติดึงผู้เล่นเข้าสู่ทีมมากครั้งหนึ่งในประวัติศาสตร์พรีเมียร์ลีกแล้ว เป็นช่วง 2 ตลาดนักเตะทั้งซัมเมอร์และวินเทอร์ ต้องบอกเลยว่าบ้าคลั่งขีดสุด โดยเฉพาะเมื่อคิดถึงมูลค่าที่ต้องจ่ายออกไป
รวมที่เชลซีใช้ไปเพื่อการนี้น่าจะเหยียบ 600 ล้านปอนด์ เงินจำนวนนี้นำไปซื้อสโมสรระดับกลางในพรีเมียร์ลีกได้อย่างสบายเลย
แฟนบอลเองพยายามทำความเข้าใจกับแนวทางของ ท็อดด์ โบห์ลี่ ที่ต้องการจะสร้างทีมขึ้นมาใหม่ ท่ามกลางแข้งเก่าหลายคนที่ไม่อยู่ในแผนอีกต่อไป เตรียมโดนโละทิ้งในซัมเมอร์นี้
เขาเชื่อว่าเชลซีไม่อาจไปต่อได้ตามเป้าหมายที่วางไว้ หากยังคงยึดผู้เล่นบางรายเป็นแกนหลัก ซึ่งมีปัญหาเรื่องพฤติกรรมและทัศนคติอยู่ก่อนแล้ว
ดังนั้นวิธีใช้เงินแก้ปัญหาจึงเกิดขึ้น ในเมื่อคุณมีเงินต้องทำอย่างไรล่ะ? ไม่ใช่เรื่องยากเลย ก็หว่านซื้อนักเตะที่ต้องการมาแทนเท่านั้นเอง โดยเน้นไปยังกลุ่มดาวรุ่งอนาคตไกล อาจใช้เวลาเจียระไนไม่นาน
ลงทุนมหาศาลมากเป็นประวัติการณ์เช่นนี้ ถามว่าพวกเขารู้หรือเปล่าว่าอาจโดนตรวจสอบได้ โดยเฉพาะล่อแหลมต่อกฎ FFP หรือไฟแนนเชี่ยล แฟร์เพลย์
คำตอบคือ มีหรือจะไม่รู้ ทีมงานน่าจะมีข้อมูลมากพอไว้รอกลุ่มเจ้าของใหม่ อีกทั้งในอดีตพวกเขาเคยโดนลงโทษห้ามซื้อผู้เล่นมาแล้ว เพราะทำผิดกฏดังกล่าวนี่แหล่ะ คงไม่พลาดซ้ำรอยเดิมหรอก
โบห์ลี่ น่าจะมีกลุ่มผู้เชี่ยวชาญทางการเงิน คอยให้คำปรึกษาในเคสนี้ นั่นจึงเป็นที่มาของการเซ็นสัญญาระยะยาวของผู้เล่นหลายคน จนอดน่าแปลกใจไม่ได้
นี่คือสูตรที่เรียกกันว่า "การกระจายต้นทุน" เพื่อสลัดให้หลุดจากกฎ FFP ซึ่งคอยตามหลอกหลอนบรรดาเศรษฐีมือเติบทั้งหลาย
อย่างเช่นซื้อ มิไคโล มูดริค ปีกทีมชาติยูเครนมา 88 ล้านปอนด์ โดยที่นักเตะเซ็นยาวมาราธอนถึง 8 ปีครึ่ง แล้วเชลซีใช้การผ่อนจ่ายเป็นงวดไป สมมุติว่าเคสนี้จ่าย 10 งวด ก็จะตกปีละ 8.8 ล้านเท่านั้นเอง ใช้เงินไปไม่เท่าไร
เพราะกฏนี้จะคิดจากรายจ่ายเรื่องค่าจ้างและค่าตัวนักเตะที่ลงทุนไปในแต่ละรอบปี ตรวจสอบบัญชีดูว่า เงินออกเท่าไร เข้ามาเท่าไร มีความสมดุลกันมากพอหรือไม่
นั่นจึงไม่ใช่เรื่องน่าเซอร์ไพรส์เลย ก่อนเดดไลน์ตลาดมกราคมมาถึงไม่กี่ชั่วโมง พวกเขาจะปิดดีล เอ็นโซ่ เฟร์นานเดซ ด้วยการจ่ายค่าฉีก 120 ล้านยูโร บวกค่าธรรมเนียมต่างๆอีกราว 5 ล้าน
พร้อมทั้งจับเซ็นสัญญาอยู่โยงไปจนถึงซัมเมอร์ 2031 หรือรวมแล้ว 8 ปีครึ่งด้วยกัน เท่ากับ มูดริค เป๊ะเลย
มันก็คือใช้วิธีการเดียวกันนั่นเอง ซึ่งพวกผู้เล่นบางคนที่มีระยะเวลาอยู่ยาว 6 ปีขึ้นไป ก็เข้าข่ายลักษณะนี้ทั้งสิ้น
ในขณะเดียวกัน โบห์ลี่ ดูเหมือนจะไว้วางใจ พอล วินสแตนลี่ย์ ซึ่งเปรียบไปแล้วก็เหมือนผู้อำนวยการกีฬาคนใหม่ ที่คอยมีหน้าที่เฟ้นหาคัดสรรนักเตะเข้ามา รวมถึงเรื่องย้ายออกด้วย
แม้โดยตำแหน่งในสโมสร โบห์ลี่ ยังคงรักษาการณ์อยู่ แต่เป็นที่รับรู้ทั่วกันว่า วินสแตนลี่ย์ ซึ่งถูกทาบทามมาจากไบรท์ตันเมื่อปลายปีที่แล้ว เป็นเสมือนผู้อยู่เบื้องหลังสำคัญ
เชื่อกันว่า แกรห์ม พ็อตเตอร์ ผู้จัดการทีมมีส่วนไม่น้อย ในการชักนำ วินสแตนลี่ย์ ให้มาร่วมงานกันอีกคำรบ เพราะรู้ฝีมือดีว่าเก่งขนาดไหน โดยเฉพาะคุณสมบัติสายตาอันแหลมคมในการเลือกผู้เล่น
8 ปีกับไบรท์ตันมากพอสำหรับด่านพิสูจน์แล้วว่า เจ๋งขนาดไหน สามารถมองหาช้างเผือกในป่าใหญ่ ซึ่งหมายถึงแข้งที่โนเนมไม่ได้ตกเป็นกระแส มาปลุกปั้นพัฒนาจนกลายเป็นผู้เล่นชั้นนำ
นี่คืออีกเหตุผลที่ทำให้ไบรท์ตันจ้ำพรวดจนเป็นทีมแถวหน้าของพรีเมียร์ลีกในเวลานี้ ต้องบอกเลยว่า วินสแตนลี่ย์ คือหนึ่งในผู้ที่วางรากฐานอันแข็งแกร่งไว้ให้
ผู้เล่นอย่าง อเล็กซิส แม็ค อัลลิสเตอร์ , มอยเซส ไกเซโด้ , เลอันโดร ทรอสซาร์ , โรเบิร์ต ซานเชซ , อดัม เว็บเตอร์ , คาโอรุ มิโตมะ หรือ ทาริค แลมป์ตี้ย์ ล้วนแต่เป็นการคัดเลือกของเขาแทบทั้งสิ้น
จะเห็นว่าตลาดซัมเมอร์ 2022 วินสแตนลี่ย์ ยังไม่ได้เข้ามาทำงาน เชลซีจะซื้อผู้เล่นแบบธรรมดาทั่วไปคือ ราฮีม สเตอร์ลิ่้ง , ปิแอร์ เอเมอริก โอบาเมย็อง หรือ คาลิดู คูลิบาลี่ ซึ่งสองคนหลังนี่ถือว่าอายุเกิน 30 ด้วย
พอเข้ามาทำงานหลังจากนั้น แนวทางของทีมจึงเปลี่ยนไป เราจึงได้เห็นบรรดาแข้งสายเลือดใหม่เดินเข้ามายังเดอะ บริดจ์พรึบพรับในช่วงตลาดหน้าหนาวที่เพิ่งปิดตัวลง
ส่วนขาออกก็เตรียมไว้ผ่องถ่ายล็อตใหญ่เช่นเดียวกัน มกราคมที่ผ่านมาปล่อยได้แค่ จอร์จินโญ่ ให้อาร์เซน่อล 12 ล้านปอนด์รวมแอดออนส์ นี่คือผู้เล่นที่พร้อมจะไฟเขียวให้ย้ายฟรีในซัมเมอร์อยู่แล้ว
ถือว่าได้ราคาดีงาม เพราะนักเตะสัญญาจะหมดลงอีกไม่กี่เดือน เป็นการทำธุรกิจที่ไม่ได้เลวร้ายอะไรเลย
แต่น่าเสียดายที่ต้องพลาดการโอนถ่าย ฮาคิม ซิเย็ค ไปให้ปารีส แซงต์ แชร์กแมงในแบบยืมตัว ด้วยเหตุผลแบบไม่น่าเกิดขึ้น นั่นคือส่งเอกสารผิดพลาด จนเกิดความล่าช้า เลยเวลาเส้นตายมาแค่ 4 นาที
เรื่องนี้กลายเป็นดราม่าประจำตลาดหน้าหนาวปีนี้ เพราะมีรายงานว่าเชลซีส่งเอกสารพลาดถึง 3 ครั้ง แถมยังวุ่นถึงขนาดไม่ได้รับโทรศัพท์จากทางปารีสถึง 4 สายด้วยกัน
น่าเห็นใจนักเตะที่อุตส่าห์บินไปถึงปารีส เพื่อจัดการตรวจร่างกายเรียบร้อย จนผ่านลุล่วง คิดว่าจะได้หนีจากเชลซี ซึ่งคงรู้อนาคตดีว่าไม่อยู่ในแผนของ พ็อตเตอร์ อีกแล้ว
ส่วนแฟนเชลซีบางส่วนยังคงกังวลและสงสัยแนวทางของ โบห์ลี่ กลัวว่าการใช้เงินมือเติบ อาจส่งผลกระทบในวันข้างหน้าได้ เพราะถ้าเกิดปัญหาการเงินที่มันเรื้อรัง ก็ยากนักที่จะแก้ไขได้ในช่วงเวลาสั้นๆ
กระนั้นเชลซียุคปรับปรุงใหม่แปลงโฉมฉีกไปจากเดิม ยังคงสร้างความตื่นเต้นให้สาวกเช่นเคยและไม่ใช่แฟนบอลพวกเขาเท่านั้น อีกมากมายก็จับตาดูเช่นกัน
พวกเขาจะกลับมาเขย่าวงการได้มากน้อยแค่ไหน นับถอยหลัง 2-3 ปีจากนี้ คงพอจะได้เห็นภาพกันบ้าง
เพื่อพิสูจน์ให้เห็นสัจธรรมที่ว่า เงินสามารถซื้อความสำเร็จได้ ภายใต้กรอบเงื่อนไขบางอย่าง
---------------
เว็บกีฬาที่ดีกว่า ชัวร์กว่า ครบเครื่องเรื่องเดิมพันกว่าทุกเว็บ โปรโมชั่นดีๆ ต้องที่ MYSBOBET เพิ่มเพื่อนกันไปได้เลยที่ https://line.me/R/ti/p/@my-sb99 หรือ 08-0003-1188 / 08-0003-117