เนวิโอ สกาล่า ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นเทรนเนอร์ของ ปาร์ม่า ในปี 1989เพียงแค่ปีเดียวก็สามารถฉุดทีมจากเซเรีย บีไปสู่เซเรีย อาหรือลีกสูงสุดลูกหนังอิตาลีได้สำเร็จนั่นคือจุดเริ่มต้นสู่การเขียนประวัติศาสตร์อันยิ่งใหญ่ของสโมสรเล็กๆ จากแดนเหนืออย่างคาดไม่ถึงบวกกับการเข้ามาสนับสนุนทางด้านการเงินของ คาร์ลิสโต้ ทานซี่ เข้าของกิจการผลิตภันฑ์ด้านอาหารปาร์ม่าลัต ยิ่งช่วยให้ "จัลโล่บลู" แปลงร่างเป็นพยัคฆ์ติดปีกช่วงเวลา 1992 - 2002 หรือ 10 ปีเต็ม ปาร์ม่า เปลี่ยนสถานะขยับขึ้นมาเป็นทีมแถวหน้า ประสบความสำเร็จมากมาย คว้ามาได้ 8 โทรฟี่สำคัญโคปปา อิตาเลีย 3 สมัย / ยูฟ่า คัพ 2 / ยูโรเปี้ยน ซูเปอร์ คัพ 1 / คัพ วินเนอร์ส คัพ 1 / ซูเปอร์โคปปา 1 ขาดเพียงแค่ กัลโช่ เซเรีย อาซึ่งเข้าใกล้เต็มที่แค่รองแชมป์ภาพจำแข้งชั้นนำอย่าง จานลุยจิ บุฟฟ่อน , ฟาบิโอ คันนาวาโร่ , เซบาสเตียน เวรอน , ดิโน่ บัคโจ , เอร์นาน เครสโป , เอ็นริโก้ เคียซ่า , อันโตนิโอ เบร์นาริโว่ , อเลสซานโดร เนสต้า , อัลแบร์โต้ ดิ คิอาร่า , ลิลิยอง ตูราม , ลุยจิ อปอลโลนี่ , เนสเตอร์ เซนซินี่ ฯลฯ ล้วนเป็นส่วนหนึ่งของหน้าประวัติศาสตร์พวกเขาช่วยเรียกคะแนนนิยมให้กับ ปาร์ม่า อย่างมาก กลายเป็นขวัญใจของแฟนบอลทั่วโลก ด้วยความสามารถและสไตล์การเล่นที่เร้าใจน่าตื่นตาแต่แล้วปี 2003 สัญญาณเตือนแห่งหายนะก็ดังขึ้น ปาร์มาลัตเผชิญหน้ากับมรสุมทางการเงินอย่างหนัก เพราะพยายามจะขยายธุรกิจไปยังทั่วโลก มีการแตกแต่งบัญชีและทุจริตในรูปแบบต่างๆไม่นานนักศาลก็ตัดสินให้ล้มละลาย มีผลให้ ปาร์ม่า ต้องแบกหนี้สินถึง 54 ล้านยูโรด้วยกัน นึกดูเอาแล้วกันกว่า 15 ปีก่อน เงินจำนวนนี้มากแค่ไหนทางออกเบื้องต้นคือการผ่องถ่ายขายนักเตะคนสำคัญออกไปเรื่อยๆ เพื่อลดภาระหนี้อันรุงรัง อีกทั้งยังต้องปรับโครงสร้างหลายอย่างภายในทีม จนผลงานย่ำแย่ตามไปด้วยจนในปี 2007 ตอมมาโซ่ กิราร์ดี้ ก็ควัก 30 ล้านยูโรฮุบกิจการไปบริหารเอง แต่ก็ยังไม่ดีขึ้น เพราะปัญหาฝังรากลึกเรื้อรังไปแล้วเมื่อแบกต่อไม่ไหว จะทำอย่างไรได้ นอกจากขายต่อไปอีก คนที่ซื้อไปก็ต้องรับภาระหนี้เกือบ 90 ล้านยูโร หนักหนาสาหัสขนาดที่ว่าเคยมีการซื้อ "จัลโล่บลู" ในราคาเพียงแค่ 1 ยูโรเท่านั้นลองนึกถึงสโมสรที่เคยเกรียงไกร เต็มไปด้วยแข้งขั้นเทพมากมาย แล้วต้องมาตกอยู่ในสภาพกระเป๋าฉีก ไม่มีเงินจ่ายค่าจ้างนักเตะและพนักงานไม่มีเงินจ้างการ์ด จนเกมต้องเลื่อนออกไป ค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าอะไรต่อมิอะไรล้วนแต่ต้องติดค้างทั้งหมดฤดูกาล 2013/14 ปาร์ม่า ที่ยังฝืนสู้ ดิ้นรนสุดชีวิต จบอันดับ 6 ของตารางเซเรีย อา ควรจะได้โควต้าไปเล่นฟุตบอลยุโรปตามสิทธิ์อันชอบธรรม แต่กลับถูกปรับห้ามร่วมสังฆกรรม เพราะไม่ยอมจ่ายหนี้ภาษีอีกกระทั่งมีนาคม 2015 ปาร์ม่า มีหนี้ก้อนโตถึง 218 ล้านยูโร สุดท้ายต้องถูกยึดกิจการ เข้าสู่กระบวนการปรับโครงสร้างอย่างเต็มตัวเท่านั้นไม่พอยังเจอบทลงโทษหนัก ปรับลงไปเล่นในเซเรีย ดีหรือลีกอันดับ 4 ของประเทศ รวมทั้งต้องเปลี่ยนชื่อมาเป็น ปาร์ม่า กัลโช่ 1913 อีกด้วยเจอขนาดนี้ เป็นสโมสรอื่นอาจล้มหายตายจาก ไม่มีทางฟื้นได้อีกแต่ความรักและภักดีนี่เอง ที่ช่วยหล่อเลี้ยงอุ้มชู ให้พวกเขากลับมายืนในจุดเดิมได้อย่างน่าทึ่ง----------------------แม้จะต้องหล่นมาไกลถึงเซเรีย ดี แต่แฟนบอลจัลโล่บลูยังเหนียวแน่นกลมเกลียว พร้อมช่วยเหลือสนับสนุนเต็มที่กลุ่มกองเชียร์ท้องถิ่นที่นำโดย นูโอโว่ อนิซิโอ ยอมเสียสละระดมทุนมาซื้อไปบริหารเอง พร้อมทั้งแต่งตั้ง เนวิโอ สกาล่า อดีตกุนซือที่สร้างทีมจนยิ่งใหญ่ในอดีต มารั้งตำแหน่งประธานสโมสรขณะเดียวกันยังให้ ลุยจิ อปอลโลนี่ อดีตกัปตันทีมชุดนั้น มาเป็นกุนซือ หวังจะใช้ความเป็นตัวตนและจิตวิญญาณกระชากศักดิ์ศรีกลับมาอีกมันน่าเหลือเชื่อมากที่ตั๋วปี 9,000 ใบขายเกลี้ยงภายในเวลาอันรวดเร็ว ถือเป็นสถิติสูงสุดของลีกระดับ 4 แม้นักเตะคนอื่นจะเผ่นหนีไปอยู่คนละทิศละทาง แต่ยังมีบางคนที่พร้อมปักหลักช่วยทีมต่อไป โดยไม่สนใจเรื่องเงินค่าตอบแทนหนึ่งในนั้นคือ อเลสซานโดร ลูคาเรลลี่ กัปตันทีมที่พร้อมจับมือกับสโมสรเดินหน้าไปด้วยกันเขาผ่านสถานการณ์อันเลวร้ายกับจัลโล่บลูมาตลอด รับรู้ถึงการเปลี่ยนแปลงต่างๆ วิกฤตถึงขนาดช่วยไม่มีน้ำดื่มให้นักเตะหรือต้องซักเสื้อผ้ากันเองก็เคยมาหมดแล้วหรือเข้าขั้นร้ายแรงขนาดว่า ต้องเอาโทรฟี่แชมป์ต่างๆในตู้โชว์มาประมูลขาย เพื่อลดภาระค่าใช้จ่ายปี 2015 ลูคาเรลลี่ วัยปาเข้าไป 37 ปีแล้ว จึงถูกมองว่าไม่มีทางเลือกอื่นหรอก สโมสรใหญ่คงไม่ต้องการแข้งอายุมากเกินอย่างนี้แน่แต่เมื่อเขายอมลดค่าจ้างถึง 10 เท่า เหลือเพียงแค่สัปดาห์ละ 2,000 ยูโร ทำให้น่าจะพอเข้าใจได้ว่า นี่คือการเสียสละเพื่อสโมสรอันเป็นที่รักอย่างแท้จริงมันอาจเป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยสร้างแรงฮึด อีกทั้ง อปอลโลนี่ ใช้สูตรหาแข้งท้องถิ่นเข้ามาสู่ทีมให้มากที่สุด เพื่อให้เกิดความรู้สึกภาคภูมิใจแล้วร่วมกันต่อสู้อย่างเต็มที่ปรากฏว่าซีซั่นนั้น ปาร์ม่า จบแบบไร้พ่ายในลีก กวาดไป 94 แต้มจาก 38 นัด ทะยานขึ้นสู่เซเรีย ซีอย่างรวดเร็วอย่างไรก็ตามมันไม่ง่ายนักในช่วงแรก ผลงานของทีมซึ่งถูกจัดให้อยู่ในกลุ่มบี ซึ่งแยกกันตามภูมิภาค พ่ายรวดหลายนัดติดต่อกัน เลยต้องมีการเปลี่ยนแปลงกุนซือจาก อปอลโลนี่ มาเป็น โรแบร์โต้ ดาแวร์ซ่า แล้วเร่งเครื่องตั๋วเพลย์ออฟเลื่อนชั้นสำเร็จปาร์ม่า ต้องเริ่มจากรอบสองในการเพลย์ออฟ ฝ่าด่านมาเรื่อยๆ ด้วยความมุ่งมั่น จนมาถึงรอบชิงชนะเลิศดวลกับทีมเต็งอย่าง อเลสซานเดรียนัดนั้น เครสโป มานั่งให้กำลังใจด้วย มันปลุกเร้าให้นักเตะหลายคนมีความกระหายที่จะเป็นผู้ชนะ ต่อหน้าฮีโร่ของพวกเขา ก่อนจะคว้าชัยอย่างหมดจด 2-0 ขึ้นสู่เซเรีย บีอย่างรวดเร็วแล้ว เจียง หลี่ซาง นายทุนใหญ่ซึ่งประสบความสำเร็จในธุรกิจของตัวเองด้วยวัยเพียงแค่ 36 ปี เข้ามาช้อนซื้อหุ้นไปถือในกำมือเกิน 60 เปอร์เซนต์ ทำให้เขามีอำนาจสิทธิ์ขาดในการบริหารอย่างเต็มที่แต่ไม่ใช่เข้ามาเพื่อทำลายหรือกอบโกย อย่างน้อยการแต่งตั้ง เครสโป เป็นรองประธานก็ซื้อใจแฟนบอลได้อีกเพียบนอกจากนี้ยังใช้เงินเสริมกำลังพลอย่างเหมาะสม ไม่ใช่ฟุ่มเฟือยสุรุ่ยสุร่าย เขารอบคอบเพื่อไม่ให้เกิดแรงกระเพื่อมมากเกินไปด้วยความที่เป็นน้องใหม่ ต้องเจอกับความหินโหดจากคู่แข่งมาตลอด โอกาสสู่แชมป์ไม่ง่ายเลย อีกทั้ง เอ็มโปลี ก็แกร่งทั่วแผ่น โกยแต้มต่อเนื่องจองบัลลังก์ไว้แล้วเป้าหมายอยู่ที่รองแชมป์เพื่อเลื่อนขึ้นอัตโนมัติ ในนัดสุดท้ายต้องลุ้นให้ โฟรซิโนเน่ ที่เบียดแย่งตั๋วกันมาพลาดเองปาร์ม่า เผด็จศึก สเปเซีย ลงได้อย่างไม่ยาก แม้ต้องไปเยือน สกอร์ขาดลอยไปก่อนหมดเวลาแล้ว ทีนี้เหลือแค่ลุ้นอีกสนาม พอรู้ว่า โฟรซิโนเน่ นำอยู่ 2-1 จนกระทั่งเข้าสู่นาทีสุดท้าย จิตใจกองเชียร์ก็กระสับกระส่ายแต่แล้วเสียงเฮก็กระหึ่มสังเวียนแข้ง อัลแบร์โต้ ปิซโซ่ ไปหมด เมื่อได้ยินผล ฟอจจา ตามทวง 2-2 ก่อนจบด้วยสกอร์นี้งานฉลองยิ่งใหญ่จึงเกิดขึ้น ภายใน 3 ปีจากเซเรียดี พวกเขาปีนป่านขึ้นสู่เซีย อาได้อย่างน่าทึ่งที่สุดคนที่ภูมิใจไม่น้อยกว่าใครคือ ลูคาเรลลี่ แม้วัยจะเหยียบ 40 ปี เขาก็ยังเป็นแกนหลักอยู่ในแผงหลัง"ลูคาเรลลี่ คือตัวแทนของเรา จะมีใครมาอยู่ในวันที่วิกฤตบ้างล่ะ เขาไม่เคยหนีไปไหน คือตำนานอย่างแท้จริง"แฟนบอลคนหนึ่งของ ปาร์ม่า ว่าไว้อย่างนี้-------------เป้าหมายบนลีกสูงสุดของ ปาร์ม่า คืออยู่รอดปลอดภัย ไม่มีอะไรมาแผ้วพานแม้จะเป็นรองพวกทีมใหญ่อยู่ไม่น้อย แต่ ปาร์ม่า อาศัยสปิริต ความเป็นเลือดนักสู้และศักดิ์ศรีแห่งจัลโล่บลู เดินหน้าชนอย่างไม่หวาดหวั่นเกมล่าสุดคือสิ่งที่สะท้อนตัวตนอย่างแท้จริง เมื่อตามหลัง ยูเวนตุส มหาอำนาจของลีก 3-1 แต่ช่วยกันจนตามทวงกลับมา 3-3 แบ่งแต้มอย่างสะใจผ่านมาถึง 22 นัด ปาร์ม่า เกาะอยู่กลางตาราง ห่างจากโซนแดงหรือตกชั้นถึง 14 คะแนนด้วยกัน หากไม่มีอะไรผิดพลาด น่าจะยืนหยัดในเซเรีย อาได้อีกในฤดูกาลหน้าไม่ผิดนักหากจะบอกว่า ปรากฏการณ์ "ลุ้มแล้วลุกเร็ว" ของ ปาร์ม่า คือสิ่งที่น่าทึ่งของโลกลูกหนังในรอบหลายสิบปีจำไว้ว่าถ้าคุณมีใจและรักจริง ทุกสิ่งย่อมเกิดขึ้นได้เสมอสุดท้ายแล้วไม่ว่าจะช่วงเวลาจะดีหรือแย่สักแค่ไหน เวลาล้มขอแค่เราลุกขึ้นมาสู้ใหม่ด้วยใจรัก ให้ MYSBOBET ช่วยคุณสิ รับรองมอบความตื่นเต้นสนุกเร้าใจ บริการสะดวกรวดเร็ว ติดต่อมาเลยที่ https://line.me/R/ti/p/@mysbo หรือโทรที่ 08-0003-1188 / 08-0003-1177